วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครงานประชุมระดับโลก

           สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน   

                  ผมชื่อ... เอิ่มมม เอาชื่อเล่นละกันครับ ชื่อต้นนะครับ ตอนนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาภาษาไทยครับ มหาวิทยาลัยมหิดล จากที่คุณผู้อ่านได้อ่านชื่อหัวข้อแล้ว คงสงสัยใช่ไหมละครับว่า มันคืองานอะไร ถึงเรียกว่าระดับโลก จัดที่ไหน เมื่อไหร่ละ งั้นผมจะตอบทุกข้อสงสัยเลยครับ ตามมาฟังได้เลยครับ-------------------------->



"มาบรีฟงานวันแรก @Centara " 

              งานที่ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในครั้งนี้ คือ งาน BANGKOK ANOC GENERAL ASSEMBLY 2014 ระหว่างวันที่ 1-10 พฤศจิกายน 2557 งานจัดที่โรงแรมหรูห้าดาวใจกลางย่านรถติดเลยครับ Centera Grand@Central World, Intercontinental, Holidays Inn



             มาฟังกันนะครับ ว่าเป็นงานระดับโลกยังไง ตามชื่อการประชุมครับ ANOC ชื่อเต็มคือ Association of national Olympics Committee เป็นองค์กรโอลิมปิกระหว่างประเทศนั้นเองครับ ก็แน่นอนแขกที่เข้าร่วมก็เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก เป็นตัวแทนแต่ประเทศกว่า 220 ประเทศครับ เอาเข้าใจง่ายๆ ครับ เป็นการประชุมประจำปีโอลิมปิกที่เขาจะมีเลือกว่าให้ชาติไหนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งกีฬา          ที่สำคัญแขกที่มาร่วมประชุมมีตั้งแต่เจ้าชายจากจอร์แดน ภูฏาน คูเวต ...แบบว่าองครักษ์เพียบครับ ตำรวจ ทหาร คุ้มเข้ม เอิ่มมม ผมเคยเห็นแต่ในหนังครับ แต่งชุดดำๆ ปิดมิดชิด แทบไม่เห็นหน้าครับ


"เหล่าเพื่อนๆ ร่วมโครงการ"

            ย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมโครงการนี้ดีกว่าครับ จำได้แม่นเลยว่าส่งใบสมัครเป็นคนสุดท้ายของมหา'ลัย เพราะก่อนหน้านั้น มีเพื่อนชวนไปสมัคร แต่ด้วยกลัวความสามารถตัวเองไม่ถึง ประกอบกับงานสอน การบ้านก็ช่างเยอะ เลยลืมไปเลยครับ พอเลื่อนๆ เล่นเฟสบุ้ค เห็นประกาศรับสมัคร เลยเข้าไปดู เอ้า.. ยังไม่หมดเขต หืมมม..น่าสนใจครับ ไหนๆ ละ มันก็ท้าทายดีนะ

           เลยไปยื่นใบสมัครช่วงบ่ายๆ เลยครับ หลายวันต่อมามีอีเมล์ตอบกลับให้ไปสัมภาษณ์ เอ้า... ตายห่าะ ใช้ภาษาอังกฤษซะด้วย เลยจัดการท่องสคริปต์เลยครับ แต่ให้ธรรมชาติที่สุด ส่วนตอนสัมภาษณ์ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมใส่แอคติ้งไปเยอะพอสมควรกับสำเนียงเฟคๆ อิอิ กรรมการถามว่าเคยไปเมืองนอกไหม เรียนเอกไทย แล้วไปเรียนภาษาอังกฤษมาจากไหน ตามด้วยถามวันสะดวกทำงานครับ... ผ่านนั้นเอง



           เข้าเรื่องงานเลยนะครับ ถูกเรียกตัวให้ไปบรีฟงานอย่างเร่งด่วน ด้วยเป็นคนความสามารถไม่เยอะจึงถูกโยนไปตำแหน่งโน้นนี้นั้น สุดท้ายมาจบที่ตำแหน่ง Liaison พาแขกเที่ยวตามตารางครับ งานง่ายๆ สบายๆ แต่แดดโคตรร้อน ตัวไหม้เกรียมครับ ไม่่ต่างอะไรจากอาชีพไกด์ แต่ดีอย่างเดียวแค่เราเทคแคร์แขกเราครับ
"แขกหลับล่ะ ก็เซลฟี่กันครับ"

           ชีวิตเดินทางจากศาลายาไปโรงแรมแต่เช้าตรู่ตลอด 8-9 วันเลยครับ อ๋อ..ลืมบอกนะครับว่ากองกิจการนักศึกษาออกใบลาให้ และให้ชั่วโมงเอทีด้วย หน้าที่การทำงานหลักๆ คือไปต้อนแขกที่โรงแรมขึ้นรถ พาไปเที่ยว เช็คความเรียบร้อย รอขอความช่วยเหลือ ประมาณนี้ครับ มาดูสิ่งที่ประทับใจจากการเป็นอาสาสมัครโครงการนี้ดีกว่าครับ



"นี่ล่ะครับ... การต้อนแขก"

             ระหว่างการพาแขกทัวร์ตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพ ได้มีโอกาสพูดคุยกับแขกคนเกาหลี ท่านติดตามสามีชาวสวิสมาร่วมประชุมครั้งนี้ ท่านบอกว่าไม่เคยมาเมืองไทยเลยในชีวิต เคยได้ยินแต่ชื่อ เป็นเมืองที่สวยงาม อาหารเยอะ ผู้คนใจดี (เอ๊ะ...จริงอ่อ?) ท่านบอกถ้ามีโอกาสจะกลับมาเที่ยวใหม่ และถามผมว่าเป็นนักศึกษาเหรอ เรียนอะไรอยู่ ผมตอบว่า I'm studying faculty of Liberal Arts right now. ท่านตอบว่า หืมมม...ไม่แปลกใจว่าทำไมภาษาอังกฤษคุณถึงดี  (รู้สึกมีความมั่นใจที่พูดแย้วววว อิอิ)




"เหนื่อยนัก... ก็พักหน่อย"

           เหตุการณ์กับอีกแขกท่านหนึ่งมาจากปารีส แต่งตัวเต็มไปด้วยแบรนด์เนม หืมมมม ... แต่ แต่ โน สปีค อีงริชอ่าครับ อนุรักษ์นิยมมาก ด้วยที่สถานการณ์ ณ ตอนนั้น ที่หน้าวัดพระแก้วคนวุ่นวายมาก ไม่รู้วันอะไร คนเยอะเกิน แต่มาดามคนนั้นใส่บลูเบอร์รี่แขนกุดมาครับ ไกด์บอกเข้าไม่ได้ มาดามชี้มือว่าเอาผ้าพันคอกุดชี่คลุมเข้า ตายๆ จะทิ้งไว้รอก็คงไม่ได้ ด้วยไม่มีใครสามารถคุยภาษาฝรั่งเศสกับมาดามได้ ด้วยที่ผมเคยเรียนมานิดนึงตอนมอปลาย พอๆ จำคำศัพท์ได้ เลยเดินเข้าไปคุยด้วย ใช้ภาษามือผสมไปด้วย ผลสรุป ได้วิ่งออกไปซื้อเสื้อยืดมาให้ มาดามเห็นลายเขียนว่า "LOVE BANGKOK" บนเสื้อ ดูชื่นชอบมาก กล่าวขอบคุณแล้วขอบคุณอีก หลังจากนั้นไปไหนมาไหนมาดามมักใช้ให้ถ่ายรูปให้ตลอด


                       
"ร้อนไม่ร้อน ดูจากสภาพนะครับ สงสารแขกมากครับ"

             จากการได้มีโอกาสได้ร่วมเป็นอาสาสมัครในโครงการนี้ ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน ด้วยการเป็นงานประชุมระดับนานาชาติที่ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพอีก
ประสบการณ์ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นการมีใจรักบริการ ความสามัคคี การรับฟังความเห็นผู้อื่น มิตรภาพเพื่อนมาจากหลายวัย หลายอาชีพ หลายสถาบัน และทักษะอื่นๆ รวมถึงได้ใบประกาศณียบัตรกับเงินค่าขนมนิดหน่อยครับ
             อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยผมเองก็ต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แขกประทับใจ




     
             สุดท้ายผมขอขอบคุณองค์กรต่างๆ ที่ให้โอกาสผมเข้าร่วมทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น การกีฬาแห่งประเทศไทย ออแกไนเซอร์ กองกิจการนักศึกษามหิดล    ผมจะนำความรู้และทักษะต่างๆ ที่ได้จากโครงการนี้ไปพัฒนาตนเองต่อไปครับ









         




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น